Supper Bass

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประวัติของเจ้าสุนัข


สุนัขเป็นสัตว์ ขาเลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม ย้อนหลังไป 30 ล้านปี สุนัขที่เราเลี้ยงกันอยู่ทุกวันนี้ต้นตระกูลจัดว่าเป็นสุนัขป่า ซึ่งเราสามารถสุนัขทั่วโลกออกเป็น 13 สกุลและ 37 ชนิด ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามการปรับตัวให้เข้ากลับสภาพแวดล้อมสังคมเมือง

สำหรับการนำสุนัขมาเลี้ยงตามแหล่งชุมชน สันนิษฐานกันว่ามนุษย์แถบซีกโลกเหนือเป็นผู้นำสุนัขป่ามาเลี้ยงเป็นพวกแรกโดยมนุษย์พวกนี้ได้นำมาเลี้ยงในที่อยู่ของตัวเองประกอบกับความสามารถของสุนัขในการปรับตัวเข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดีกว่าสัตว์ป่าอื่นๆ สุนัขป่าที่นำมาเลี้ยงมีการผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์ต่าง


การบรรยายประวัติสุนัขด้วยวีดีโอ




วีดีโอมุมน่ารักๆของสุนัข


น้องหมาเต้นลีลาศ


เจ๋งดี น้องหมาแสนรู้


น้องหมาเล่นกับแมว (น่ารักมาก )



พันธุ์ที่นิยมเลี้ยง


ชิสุ


ปอมเมอเรเนียน

หมาปั๊ก

 ชิวาวา



ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย

สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุนัข

 หัวใจสุนัขเต้น 70 ถึง 120 ครั้งต่อนาที ในขณะที่หัวใจมนุษย์เต้น 70 ถึง 80 ครั้งต่อนาที
 สุนัขสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือ “ไอริช วูล์ฟฮาวนด์” และเจ้า “ชิวาวา” นั้นเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่สุด ในขณะที่เจ้า “เซนต์เบอร์นาร์ด” ครองแชมป์น้ำหนักมากที่สุดในโลกนี้ มีสุนัขสายพันธุ์บริสุทธิ์อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 700 สายพันธุ์ สุนัขที่ถูกเลี้ยงในบ้านส่วนใหญ่สามารถวิ่งได้รวดเร็วถึง 30.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับเจ้า “เกรย์ฮาวนด์” ซึ่งถือว่าเป็นราชาลมกรดสามารถวิ่งได้เร็วถึง 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!!
ผลต่อหัวใจ และระบบประสาทของสุนัข ช็อกโกเลตเพียงแค่ไม่กี่ออนซ์ก็สามารถฆ่าสุนัขตัวเล็กได้!!




สาระน่ารู้ในรูปแบบ (วีดีโอ)


 รวมเว็บคนรักสุนัข



 J&P (Thailand) dog farm 
ลูกสุนัขพันธ์ชิสุห์ และ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ พร้อมจำหน่ายใบเพ็ดดีกรี จำหน่าย
http://www.dogcenter.8k.com/

Beagle 
ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล มาตรฐานพันธุ์สุนัข ชมรมบีเกิลแห่งประเทศไทย และสุนัขพันธุ์อื่น ๆ เช่น โกลด์เด้น รีทรีฟเวอร์ อัฟกานฮาวน์ คอลลี่ แจ็ค รัสเซล
http://www.x-plorerskennel.com

108pests 
สาระน่ารู้ในรูปบทความที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ ให้เลือกมากมาย ค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นคอก ฟาร์ม คลินิก โรงพยาบาล ศูนย์ฝึกสุนัข และร้านขายอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ได้จากเว็บไซต์นี้
http://www.108pets.com

108ด๊อกดอทคอม 
ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ พร้อมรูปภาพสุนัข แนะนำการเลี้ยงสุนัข การนำสุนัขเข้าสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข (ประเทศไทย) และบริการเว็บบอร์ดประกาศซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนสุนัข
http://www.108dogs.com

2G-Dog 
สาระและความรู้ที่เกี่ยวกับสุนัข การดูแลและเลี้ยงดูสุนัข พร้อมเกร็ดความรู้ในการเลี้ยงสุนัข อาหารสำหรับสุนัข พัฒนาการสุนัข โรคและทางป้องกัน แนะนำสายพันธุ์สุนัข
http://www.2g-dog.com

77 FAMILY DOG 
ฟาร์มสุนัขที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์โกล์ดเด้นฯ และมีสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ และอิงลิชสปริงเกอร์ มีรูปภาพพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ พร้อมรับสอนฝึกสุนัข ฝึกสุนัขเชื่อฟังคำสั่ง ฝึกสุนัขอารักขา ฝึกสุนัขลงสนามประกวด และรับจูงสุนัขลงสนามประกวด
http://www.gennee.com/77familydog/



อาหารสำหรับสุนัข







อาหารสำหรับสุนัข 

ปัญหาของผู้เลี้ยงสุนัขก็คือ สุนัขแต่ละตัวแต่ละพันธุ์ ชอบทานอาหาร ไม่เหมือนกันจะคลุกข้าวกับปลาทู กับเศษอาหารเหลือๆ เหมือนสุนัขบ้าน สุนัขวัด มันไม่ทานแน่ สุนัขบางตัวทานแต่กับ ข้าวที่คลุกให้มันจะไม่ยอมแตะ เป็นที่กลัดกลุ้มใจ ต่อผู้เลี้ยงมาก ที่จะต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก เป็นการเพิ่มภาระเลี้ยงดู นอกเหนือจากลูกสาวลูกชาย และสมาชิกในครอบครัวที่มีอยู่เป็นปรกติแล้ว ความจริงนั้นสุนัขปรับตัวเองได้ดีมาก มันจะสามารถ ทาน อะไรได้ทุกๆ อย่างตามที่เราจัดหาให้มัน แต่ต้องค่อยเป็น ค่อยไป เช่น จากทานแต่เนื้อสัตว์ก็ค่อยๆ เริ่มทานข้าว และผัก อื่นๆ ได้ 
สุนัขที่เรานำมาเลี้ยงได้ส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 10 สัปดาห์ เป็นระยะเวลาที่มันหย่านมจากแม่ ลืมตา และแข็งแรงแล้ว เมื่อนำมาเลี้ยงจะมีพฤติกรรม เพียง 2 อย่าง คือ กินกับนอน ซึ่งเราต้องฟูมฟักกับมันอยู่เช่นนั้น กว่าที่จะโตเป็นหนุ่ม เป็นพ่อพันธ์ แม่พันธุ์ได้ต้องใช้เวลาประมาณ 10 - 15 เดือน (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน) 
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุนัข

สารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุนัขที่กำลังเจริญเติบโต ก็เช่นเดียวกับคน คือมัน จะต้องการ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน ไขมัน แร่ธาตุ น้ำ จะแตกต่างกันที่ปริมาณเท่านั้น หากต้องการจะทำอาหารให้สุนัขทานควรเป็นประเภท ข้าว เนื้อสัตว์ ผัก เป็นองค์ประกอบหลัก และปรับปรุงรสชาติให้น่าทาน เพราะสุนัข ก็มีต่อมรับรส เช่นเดียวกัน หากอาหารที่คุณทำดีมีรสชาติถูกใจ มันก็จะ เจริญอาหาร ทานจนพุงกาง ไปเลย ควรเปลี่ยนอาหารสลับหมุนเวียนกันบ้าง ไม่ควรให้มันทาน ของซ้ำๆ กัน เพราะจะทำให้มันขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งตลอดเวลา ทำให้ เป็นปัญหาต่อสุขภาพในอนาคตอาหารประเภทไข่ ไม่ควรให้ทานไข่ดิบหรือไข่ลวก เพราะโปรตีนในไข่จะไม่ดูดซึม เข้าสู่ร่างกายสุนัข ควรทำให้สุกโดยการทอด หรือต้มจะเป็น ประโยชน์ต่อสุนัขของ คุณมากกว่าอาหารประเภทตับ หลายคนชอบให้สุนัขรับประทาน เพราะหาง่ายและ สุนัขก็ชอบ เหมือนกัน แต่ไม่ควรให้มันทานทุกวัน การให้อาหารประเภทตับ เช่น ตับต้ม ตับย่าง แก่สุนัขทุกวันจะทำให้มีปัญหาเรื่องกระดูก เนื่องจากในตับไม่มี ความสมดุลของแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบในร่างกาย จะทำให้สุนัขของคุณเป็นโรคกระดูกบาง กระดูกหักง่าย หากต้องการให้สุนัขทานตับจริง ๆ ก็ควรเพิ่มอาหารเสริมที่เป็นวิตามิน หรือแคลเซี่ยมก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ไปได้


หลักการเลือกอาหารสำเร็จรูปของสุนัข

1. ต้องพิจารณาดูว่าสุนัขของท่านอยู่ในวัยใด เป็นเด็ก เป็นหนุ่ม หรืออยู่ใน วัยชราแล้ว ควรจัดผสมสูตรของอาหารให้เหมาะสมกับวัยของสุนัข การผสม สัดส่วน ของสารอาหารโดยผิดสูตรจะมีผลอย่างยิ่งต่อสุนัขที่ยังอยู่ในวัยเด็กอยู่ 
2. อาหารกระป๋อง หรืออาหารเม็ด ทั้ง 2 อย่างก็มีประโยชน์ต่อสุนัข ของคุณ เท่ากัน ขี้นอยู่กับว่าสุนัขจะชอบทานประเภทไหน ถ้าเป็นแบบกระป๋องก็ทานง่าย เพราะมีกลิ่น มีน้ำ และรสชาติที่อร่อยกว่าแบบเม็ด เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
3. ตรวจสอบอาหารก่อนซื้อ ต้องดูว่าภาชนะที่บรรจุอาหารสุนัข จะไม่ขาดรั่วมีแมลงตัวมอด หรือหนอนเจาะไซถุง ถ้าเป็นกระป๋องก็ต้องไม่บุบ ไม่รั่ว ไม่บวมไม่ขึ้นสนิม ไม่มีกลิ่นเหม็นหึน กลิ่นบูดเน่า
เทคนิคการให้อาหารสุนัข


ขั้นตอนที่สำคัญในการเลี้ยงสุนัขที่เจ้าของจะต้องเรียนรู้ และเข้าใจในพฤติกรรมของสุนัข มิฉะนั้นสุนัขของคุณก็จะเติบโตอย่างไม่มีคุณภาพ เทคนิคการให้อาหารสุนัขมี 3 วิธี คือ

1. ตักทิ้งไว้ครั้งละมากๆ ให้สุนัขเลือกทานเอง กรณีนี้สุนัขคุณจะทานอาหารได้ทั้งวัน ทั้งคืน เป็นการสะดวกต่อเจ้าของที่มีธุรกิจมาก ไม่ค่อยจะอยู่บ้านเลี้ยงดูมันอาหารประเภทนี้ควรเป็นอาหารประเภทเม็ดจะสะดวกที่สุด เพราะหากให้เป็นอาหารสดเมื่อทิ้งไว้นานๆ จะทำให้บูดเน่าเป็นอันตรายต่อสุนัขข้อเสียของการให้อาหารประเภทนี้ จะทำให้เราไม่รู้ได้เลยว่าสุนัขตัวไหนได้กินมาก หรือกินน้อย หรือตัวไหนไม่ได้กินเลย เพราะพฤติกรรมของสุนัขก็มักมีการเบ่งอวดความแข็งแกร่ง ถึงขนาดขู่ไม่ให้ทานอาหารเลยก็มี ซึงกรณีนี้เราจะล่วงรู้ได้อีกทีก็ต่อเมื่อสุนัขบางตัว ของท่านซูบผอม หรือไม่สบาย

2. ให้อาหารโดยควบคุมเรื่องเวลา การกำหนดเวลาให้อาหารสุนัข จะทำให้มันรู้เวลาของมันโดยอัตโนมัติ พอถึงเวลาสุนัขของท่าน ก็จะเรียกร้องที่จะขออาหารทาน เช่น เดินตาม หรือเห่าร้อง เอามือตะกายประตู หรือข้างฝา สุนัขบางตัวจะค่อยๆ กิน บางตัวก็จะรีบกินโดยไม่ตรวจสอบดูว่า อาหารในจานเป็นอะไร มีมากน้อยเพียงแค่ไหน ควรจำกัดเวลากินของมันสัก 20-30 นาทีก็จัดเก็บอาหาร เก็บไว้ให้มันกินในมื้อต่อๆ ไป ลูกสุนัขที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือนควรให้กินวันละ 3 มื้อ 6-12 เดือน ควรให้กินวันละ 2 มื้อ อายุเกิน 1 ปีขึ้นไปให้กินวันละ 1 ครั้งก็พอ

3. แบ่งอาหารตามสัดส่วนและอัตราการกินของสุนัขแต่ละตัว สุนัขแต่ละตัวมีพฤติกรรมการกินที่แตกต่างกันออกไป บางตัวกินน้อย บางตัวกินมาก บางตัวนอกจากจะกินมากแล้ว ยังกีดกันไม่ให้ตัวอื่นกินในที่ของมันอีก วิธีนี้จะเป็นวิธีการให้อาหารทีดีที่สุด แต่คุณจะต้องมีเวลาที่จะคอยควบคุมการกินของบรรดาเหล่าสุนัขพวกนี้ปัญหาที่ทำให้ผู้เลี้ยงสุนัขประสบอีกอย่างหนึ่งคือ ปัญหาการเปลี่ยน อาหารสุนัข พบว่าสุนัขบางตัวปฏิเสธไม่ยอมรับอาหารใหม่เหล่านั้น วิธีการที่ถูกต้องในการปรับให้สุนัขทานอาหารใหม่ ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยสัปดาห์แรกควรนำ อาหารเก่าและใหม่มาคลุกรวมกันในอัตราส่วน 1 ต่อ 4 เพื่อไม่ให้สุนัขลืมรสชาติอาหารเก่า สัปดาห์ที่ 2 เพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่เป็น 1 ต่อ 2 พอสัปดาห์ที่ 3 ก็เพิ่ม เป็น 3 ต่อ 4 และสัปดาห์ต่อไปก็ลอง ให้อาหารใหม่ เพียงอย่างเดียว สุนัขของคุณก็จะเคยชินและยอมรับอาหารใหม่ไปโดยปริยายการเปลี่ยนอาหารใหม่ให้สุนัขเป็นเรื่องที่ดี ดังกล่าวมาแล้ว เพราะจะทำให้สุนัขได้รับสารอาหารชนิดอื่นหมุนเวียนครบถ้วน กรณีที่มันไม่ยอมรับ ผู้เลี้ยงต้องทำใจและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนโดยใช้เวลา ซึ่งอาจจะนานกว่า 4 สัปดาห์ ถ้ามันเป็นสุนัขที่ดื้อและไม่ยอมเปลี่ยนอาหารง่าย ๆ











อุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยงสุนัข

  • เสื้อผ้าสุนัข

  • ปอกคอสุนัข

  • กระเป๋า

  • ของเล่นสุนัข


  • อุปกรณ์ให้อาหารสุนัข


  • ที่นอนของสุนัข

  • แชมพูอาบน้ำของสุนัข


  • บ้านสุนัข















เรื่่องความรู้เมื่อ สุนัข ป่วย

เพราะสุนัขไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองป่วย ผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องสังเกตุอาการของสุนัขตัวเอง ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ แล้วจึงบอกอาการกับสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายในการหาสิ่งผิดปกติหรือภาวะที่เจ็บป่วยนั้นอีกที


อาการและวิธีการดูแลเบื้องต้นก่อนนำสุนัขไปหาหมอ

มีขี้ตาน้ำตาไหลกระพริบตาตลอดเวลา
แสดงถึงการอักเสบที่บริเวณตา เยื่อบุตา กระจกตา หรือการมีแผลที่กระจกตา สาเหตุอาจมาจากการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำให้เกิดการระคายเคือง อาจเกิดจากไปคุ้ยดินหรือเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำ เมื่อมีฝุ่นเข้าตา สุนัขบางตัวอาจแสดงอาการเอาหน้าไถกับพื้น หรือใช้เท้าเขียบริเวณใบหน้าตลอดเวลา การแก้ไขช่วยเหลือเบื้องต้นคือให้หาน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือที่ใช้ล้างแผล ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป มาชะล้างทำความสะอาดที่บริเวณตา จากนั้นค่อยนำไปพบสัตวแพทย์ค่ะ

  • ท้องเสีย อาเจียน


หลักๆ มีสาเหตุมาจากภาวะการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือแม้กระทั่งการมีพยาธิในทางเดินอาหาร หากเราหมั่นสังเกตจะพบว่าสุนัขอาจมีคราบอุจจาระติดอยู่ที่บริเวณรอบทวารหนัก บางตัวอาจมีน้ำลายไหล จากภาวะของการคลื่นไส้ อาเจียน หลายตัวไม่กินอาหาร เนื่องจากมีอาการปวดเกร็ง และกระตุ้นการบีบตัวของทางเดินอาหาร ในกรณีนี้หากเจ้าของเริ่มเห็นว่าสุนัขมีอาการถ่ายเหลว หรืออาเจียน ให้งดอาหารทันที อย่าพยายามฝืนป้อนสุนัข จะเป็นการช่วยลดการเคลื่อนตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ แต่หากงดอาหารแล้วยังมีอาเจียนร่วมด้วย ต้องทำการงดน้ำไปด้วย ลองงดน้ำและอาหารดู 6-8 ชั่วโมง ถ้ายังไม่ดีขึ้น หรือในกรณีของลูกสุนัขตัวเล็กๆ ถ้ามีการถ่ายมากกว่า 2-3 ครั้งขึ้นไป ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที สำหรับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดความรุนแรงในลูกสุนัขมากๆ และอาจทำให้สุนัขเสียชีวิตได้เลยก็คือ ลำไส้อักเสบจากเชื้อพาร์โวไวรัสค่ะ โดยที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่ใช้การรักษาแบบประคองรักษาตามอาการ 


  • มีไข้ ซึม
รู้ได้แน่นอนจากการวัดไข้ เพราะการสัมผัสผ่านทางมือจะบอกไม่ได้ว่าสุนัขตัวร้อนหรือไม่ เนื่องจากสุนัขอาจไปนอนตากแดด หรือนอนอยู่ในบริเวณที่ร้อนก็เป็นได้ วิธีการคือวัดไข้ผ่านทางทวารหนัก อุณหภูมิปกติไม่ควรเกิน 103.5 องศาฟาเรนต์ไฮต์ หากเกินกว่านี้แสดงว่าเริ่มมีไข้ ป่วยไม่สบาย ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นควรใช้น้ำอุณหภูมิธรรมดาช่วยเช็ดตัว โดยเน้นการเช็ดบริเวณข้อศอก ขาหนีบ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีขนและใช้ในการระบายความร้อนสำหรับสุนัข เมื่อเช็ดตัวให้ไข้ลดลงได้แล้ว ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้ ที่อาจมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การป่วยเป็นพยาธิในเม็ดเลือด หรือการติดเชื้อในกระแสโลหิตอื่นๆ


  • มีน้ำมูก ไอ จาม
เป็นอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจจากแบคทีเรียหรือไวรัส โดยเชื้อที่ทำให้เกิดความรุนแรงและเสียชีวิตได้คือ ไข้หัดสุนัข และเมื่อสุนัขเกิดภาวะนี้อาจทำให้ความอยากอาหารลดลง เนื่องจากสุนัขจะใช้จมูกในการรับกลิ่น โดยน้ำมูกที่พบอาจมีตั้งแต่สีใส ไปจนถึงสีเขียวข้น อาจเกาะอยู่ข้างๆ จมูก เจ้าของควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคต่อไป 
  • ผิวหนังคัน เกา มีรังแค

    รวมถึงมีสะเก็ดเป็นขุยๆ ลอกออกมา ผิวหนังที่ขอบหูและรอบดวงตาหนาตัว อาจมาจากการเป็นโรคขี้เรื้อน ที่มีอาการคันตามตัว และไรในหู ซึ่งจะสังเกตว่าสุนัขจะคันเกาบริเวณช่องหูเป็นอย่างมาก บางตัวมีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังก็อาจพบแผลจากการเกา หรือใช้ปากกัดที่บริเวณที่คัน จะเห็นเป็นคราบน้ำลายเปียกๆ อยู่บนผิวหนัง การมีเห็บ หมัด เหา ก็จะทำให้สุนัขคันบริเวณผิวหนังตามตัวเช่นกัน บางตัวเกาจนเป็นแผลถลอก เมื่อเจ้าของสงสัยว่ามีปัญหาโรคผิวหนัง ให้รีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะโรคผิวหนังบางอย่างสามารถติดต่อไปยังสุนัขตัวอื่นได้ หรือในบางโรคก็สามารถติดมายังคนได้เช่นกัน
    สุขภาพของเหงือกและฟัน
    เป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สุนัขบางตัวเมื่อเปิดช่องปากออกมาพบว่ามีกลิ่นรุนแรง อาจเกิดจากการมีหินปูน เหงือกอักเสบ หรือมีฟันผุ ในสุนัขที่อายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป บางรายอาจพบเนื้องอกในช่องปาก มีการขยายใหญ่ของก้อนเนื้อ และเกิดเป็นเนื้อตายตามมาภายหลัง สุนัขอาจแสดงอาการเลียลิ้นบ่อยๆ หรือ ทำท่าคล้ายเคี้ยวอะไรอยู่ในช่องปาก แนะนำว่าควรแปรงฟันให้สุนัขทุกวันถ้าทำได้ ยาสีฟันที่ใช้ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในสุนัขเท่านั้น ไม่ควรดัดแปลงเอายาสีฟันของคนมาใช้ในสุนัขค่ะ


พันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุด


  • อันดับที่10

  ออสเตรเลียน แคทเทิล ด็อก หรือ ออสเตรเลียน ควีนแลนด์ เป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่า อายุยืนที่สุดในโลก
 ( มากที่สุด 29 ปี ) และเป็นสุนัขที่มีความกล้าหาญ มุ่งมั่น แต่เดิมใช้ต้อนฝูงโค สามารถคุมฝูงโคได้ดี โดไม่ต้องส่งเสียงเห่าหรือวิ่งพล่านรอบตัวโค เป็น สุนัขที่มีสายพันธุ์เกี่ยวเนื่องกับ สุนัขดิงโก มีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศออสเตรเลียเกิดขึ้นประมาณปีค.ศ.1800   ลักษณะ ประจำพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ จะมีใบหูใหญ่ทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ช่วงลำคอหนา ตลอดทั้งลำตัว โดยเฉพาะส่วนหัว จะมีขนสีขาวๆขึ้นแซมประปราย หางยาวไม่ถึงข้อขา ลักษณะหางจะตกโค้งเล็กน้อย 

  • อันดับที่9

rottweiler สุนัขพันธุ์นี้ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีถิ่น กำเนิดอยู่ที่ใดเป็นสุนัขที่มีประวัติเก่าแก่ พันธุ์หนึ่งในสมัยโรมัน เมื่อชาวโรมันยกทัพไปรุกรานชาติอื่น มักจะเดินทางรอนแรมนับเดือน และจะต้องเตรียมสเบียงอาหารไปด้วย โดยการพาฝูงสัตว์ติดไปด้วย ในสมัยนั้น ชาวโรมันนิยมใช้สุนัขพันธุ์ ROTTWEILER ช่วยต้อนฝูงสัตว์ และเป็นสุนัขเฝ้ายามใน เวลากลางคืน ชื่อ ROTTWEILER ได้มาจากชื่อเมือง ROTTWELL ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสัตว์ในสมัยศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันนิยม นำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้ในกิจกรรมของกรมตำรวจ ทหาร ตลอดจนเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านด้วย.. 

  • อันดับที่8

papillon คำว่า PAPILLON อ่านว่า ปา-ปิ-ยอง เป็นคำ ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงผีเสื้อ สุนัขพันธุ์นี้ เป็นสุนัข SPANIEL ที่มีขนาดเล็กกว่า SPANIEL ขนาดธรรมดามาก นิยมเลี้ยง กันอย่างแพร่หลาย ในคริสตศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรีผู้สูงศักดิ์ เช่น MADAME POMPADOUR และ MARIE ANTOINETTE ในสมัยนั้น มีการค้าขายสุนัขพันธุ์ นี้กันอย่างกว้างขวางโดยมี SPAIN เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนหูของ PAPILLON มีลักษณะ คล้ายผีเสื้อ 

  • อันดับที่7

 Labrador Retriever ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ นิสัยเป็นมิตร ฉลาด และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว เป็นสุนัขที่มีหางต่างจาก สุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ทั่วไป คือ มีโคนหางใหญ่หนาและเรียวไล่ลงจนถึงปลายหางโดยไม่มีพู่หาง แต่เดิมใช้เพื่อช่วยงานชาวประมงลากอวนเข้าฝั่ง ต่อมาได้ถูกพัฒนาความสามารถให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด และตรวจค้นยาเสพติด,วัตถุระเบิด สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในนิวฟาวนด์แลนด์ ประเทศแคนาดา กำเนิดในราว ค.ศ. 1800 
 สุนัขพันธุ์นี้จะรูปร่างเหมือนกับสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สีขนจะเป็นสีเดียวกับทั่วทั้งลำตัว มีทั้งสีดำ ขาว น้ำตาลอ่อน และน้ำตาลเข้ม ลักษณะขนสั้นเป็นสองชั้น ส่วนหัวกว้าง ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย มีช่วงไหล่ที่กว้าง 

  • อันดับที่6

shetland sheepdog อาจจะสืบเชื้อสายมากจาก Rough Collies ซึ่งถูกนำไปที่เกาะ Scottish Island ของ Shetland และผสมข้ามสายพันธุ์กับ Icelandie Yakkin สุนัขเกาะตัวเล็ก (ปัจจุบันไม่ได้รับการยอมรับต่อไป) โดยนำไปบนเรือของชาวประมง ใน ค.ศ.1700 สายพันธุ์ได้รับการพัฒนาจนสมบูรณ์ เป็นเวลาร่วมศตวรรษที่สุนัขเล็กเหล่านี้ถูกให้ต้อนแกะและอารักขาฝูงแกะของ Shetland เกาะที่มีพายุแยกออกไปจากชายฝั่งทะเลที่ซึ่งสัตว์จำนวนมากมายค่อนข้างเล็ก น้อยด้านความสูง ความประณีตของการผสมได้มักเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ในศตวรรษที่ 20 ภายหลัง Shetland ถูกส่งออกไป Scotland ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของประเทศอังกฤษและประเทศไกลโพ้น Sheltie ตัวเล็กเหล่านี้ เป็นสุนัขอ่อนโยนมากเมื่อต้อนปศุสัตว์ตัวเล็ก เป็นหนึ่งของสายพันธุ์ที่แข่งขันการเชื่อฟังได้ยอดเยี่ยม Sheltie เป็นสุนัขทำงานที่สง่างามและตั้งใจ พวกเขาได้รับการยอมรับครั้งแรกในประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1909 และจดทะเบียนครั้งแรกในอเมริกาใน ค.ศ.1911 เพราะนิสัยที่ใจดี ทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งของสุนัขที่เป็นเพื่อนซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด ความสามารถพิเศษของ Sheltie ได้แก่ การตามรอย ต้อนสัตว์ เฝ้าบ้าน อารักขา ฉลาดเฉลียว แข่งขันการเชื่อฟังและเล่นกล 

  • อันดับที่5

doberman pinscher  นี่คือสายพันธุ์ที่มีจุดกำเนิดเมื่อไม่นานมานี้ เขาถูกพัฒนาใน ค.ศ.1860 พอสันนิษฐานได้ว่าเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่า German Pinschers กับ Rottweilers, Beauceron Pinschers} Greyhounds และ English Greyhound เพื่อสร้าง Doberman Pinscher ที่ผอมและมีสติปัญญาสูง ผู้ให้กำเนิดของการผสมข้ามพันธุ์คือคนเก็บภาษีชาวเยอรมันชื่อ Louis Doberman ซึ่งได้เดินทางผ่านพื้นที่ที่มีโจรรังควาญบ่อยๆเลยตัดสินใจที่จะสร้างสุนัข เฝ้าบ้านและสุนัขอารักขาซึ่งสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ซึ่งอาจเกิดขึ้น มีการอ้างอิงชื่อผู้ให้กำเนิดของเขา Doberman ได้รับการนำเสนอครั้งแรกที่สนามโชว์สุนัขใน ค.ศ.1876 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทันที 

  • อันดับที่4

golden retriever  โกลเดน รีทรีฟเวอร์ ,รีทรีฟเวอร์ขนสีเหลือง หรือ รัสเซียน รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ตื่นตัว และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว แต่เดิมใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ เนื่องจากมีสีขนสวยงามจึงทำให้ได้รับความนิยมมาก สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ว่ากันว่าพัฒนามาจากสุนัขในคณะละครสัตว์ของชาวรัสเซีย กำเนิดราว ค.ศ. 1800 แต่เดิมมีชื่อว่า สุนัขพันธุ์ขนเรียบทอง จนในปี ค.ศ. 1900 ได้ถูกตั้งชื่อให้ว่า โกลเดนรีทรีฟเวอร์ 
 ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้จะมีลักษณะหัวกว้างและมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน2แบบคือ เรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา 

  • อันดับที่3

german shepherd  เยอรมัน เชพเพิร์ด หรือ ดอยต์เชอ เชฟเฟอร์ฮุนด์ หรืออีกชื่อที่นิยมเรียกกัน คือ อัลเซเซียน นั่นเอง สุนัขพันธุ์นี้ถือว่าเป็นสุนัขที่คน นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะมีความฉลาด สอนง่าย และกระตือรือร้นตลอดเวลา แต่เดิมคนใช้สุนัขพันธุ์นี้ไว้ต้อนแกะ แต่ปัจจุบันได้นำมาพัฒนาเพื่อใช้งานหลายด้าน เนื่องจากฉลาดในการรับรู้สิ่งต่างๆ เป็นสุนัขที่มีมีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศเยอรมัน เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1800 
 ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้มีลำตัวค่อนข้างยาว มีช่วงปากที่ยาวเกินครึ่งของความยาวใบหน้า ลักษณะหูตั้ง ปลายหูเรียวเล็ก บริเวณใบหน้า ลงมาถึงจมูก จะมีสีขนที่เข้ม ขาหลังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลักษณะหางจะตกและมีขนหนา 

  • อันดับที่2

poodle ในบรรดาพันธุ์สุนัขทั้งหลาย พันธุ์ poodle ที่ถูกเพาะมาอย่างดี ถือเป็นพันธุ์ที่เฉลียวฉลาด และมีความรับผิดชอบสูงที่สุด poodle ทั้ง 3 ชนิดเป็นสุนัขที่ร่าเริง ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ มีพลังงานเหลือล้น มีสเน่ห์ และต้องการเป็นที่พอใจของเจ้าของตลอดเวลาเมื่อเลี้ยงแล้ว เค้าจะมีความผูกพันธุ์สูงมากกับเจ้าของ เรียกได้ว่า รักถวายชีวิตทีเดียว ดังนั้น การเลี้ยงเค้าไม่ได้ตลอดไป หรือต้องให้เค้าไปอยู่กับผู้อื่นเมื่อเค้าโตขึ้น จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเค้ามาก และอาจนำพา มาสู่พฤติกรรมที่ผิดปกติได้เค้าจะชอบที่จะทำงานมีส่วนร่วมกับเจ้าของ และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ชนิดอื่น Minature และ Toy Poodle จะเข้ากันกับคนแปลกหน้า และเด็กได้ดีกว่า Standard Poodle แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการกัดคนแปลกหน้ามักพบใน Minature และ Toy ได้มากกว่า 

  • อันดับที่1

1.border collie  เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ ที่มีความสามารถมาก มีความสามารถขนาดไหน ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึง ภาพยนตร์เรื่อง Babe สุนัขที่สอนหมูให้ต้อนฝูงแกะไง... นั่นแหละบอร์เดอร์ คอลลี นอกจากนี้ บอร์เดอร์ คอลลี ยังถูกใช้เป็นสุนัขตามหา คนที่หลงทางในภูเขา และนำทางคนตาบอดอีกด้วย  ต้นกำเนิดของบอร์เดอร์ คอลลีมาจากสก็อตแลนด์ เช่นเดียวกับคอลลีพันธุ์อื่นๆ ความสามารถพิเศษของบอร์เดอร์ คอลลี คือ การทำงานได้อย่างเงียบเชียบ นุ่มนวล มันมักจะคืบคลาน หัวและหางเรี่ยอยู่ระดับพื้นดิน ใช้สายตาจ้องมองฝูงสัตว์ พร้อมจะกระโจนไล่ต้อนฝูงสัตว์ หากได้รับคำสั่งจากเจ้านาย จากลักษณะดังกล่าวนี้เอง จึงคาดกันว่า บอร์เดอร์ คอลลี น่าจะเกิดจากการผสม ข้ามพันธุ์ระหว่างคอลลี กับเซตเตอร์ หรือพอยเตอร์ หรือสเปเนี่ยน สุนัขพันธุ์นี้ถูกใช้เป็นสุนัขต้อนฝูงแกะมานาน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนระหว่างอังกฤษ กับสก็อตแลนด์ จนเป็นที่มาของชื่อ บอร์เดอร์ คอลลี แต่มาตรฐาน ของสุนัขพันธุ์นี้ เพิ่งเป็นที่ยอมรับของสมาคมผู้ เลี้ยงสุนัข แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1976




การดูแลและการเอาใจใส่สุนัข



วิธีการดูแล สุนัขให้อยู่ดี

 "สุนัข" จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ ทั้งในด้านการดูแลขน การอาบน้ำ การดูแลสภาพทั่วไปของหู ตา จมูกและเล็บเท้า รวมไปถึงการดูแลสุขภาพของเหงือกและฟัน ตลอดจนการออกกำลังกาย การได้รับอาหารที่ดี และการได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมออีกด้วย


 วิธีการดูแล สุนัข...เบื้องต้นที่เราควรทราบง่าย ๆ ดังนี้


1. ไม่ควรเลี้ยงลูกสุนัขไว้บนพื้นที่ลื่น เช่น พื้นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย มันไม่สวยยังหรอ ขาจะแบะออกคล้ายๆกับว่ายืนได้ไม่มั่นคง

2. ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด

  3. ระวัง! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้ (กระดูกสันหลังจะแอ่น)

 4. ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรง ควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาดฟันสุนัขไปในตัว

 5. เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว (อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์

6. เมื่อเริ่มโตสุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจเป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต

7. อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารธรรมดา(ทำเอง) สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ด อย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะเดี๋ยวจะไปทิ่มเอากระเพาะสุนัขจะติดคอได้ง่าย

8. การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตวแพทย์แนะนำ